รีวิวเกม Deponia: The Complete Journey
Deponia: The Complete Journey เป็นเกมแนว Point&Click Adventure (แนวที่จิ้มๆคลิกๆด้วยเม้าส์เพื่อหาทางไปต่อเรื่อยๆ) ที่มีเนื้อเรื่องที่เจ๋งยิ่งกว่าหนังหลายๆเรื่อยเสียอีก ซึ่งเดิมทีแยกเป็น 3 ภาคคือ Deponia, Chaos on Deponia, และ Goodbye Deponia ผมเองก็ซื้อแยกมาเล่น 3 ภาคนั่นล่ะ แต่เล่นจนจบทุกภาคจึงขอมัดรวมเป็นรีวิวเดียวละกัน โดย Deponia: The Complete Journey จะมีได้พวกโบนัสเบื้องหลังและอื่นๆด้วย รวมถึงหน้าตา UI ของเกมจะต่างจากภาคแยกอยู่นิดหน่อย แต่เนื้อเรื่องเป็นเนื้อเรื่องเดิมครับ
เนื้อเรื่องย่อ
ตัวเอกของเรามีชื่อว่า Rufus ซึ่งออกเป็นตัวละครที่เห็นแก่ตัว(มาก) คือทำอะไรไม่สนใจ เกรงใจคนอื่น ซึ่งอาศัยอยู่บนพื้นโลกที่เต็มไปด้วยขยะเรียกว่า Deponia เขาใฝ่ฝันที่จะขึ้นไปอยู่บนเมืองลอยฟ้าไม่ว่าจะวิธีใดก็ตามที่ชื่อ Elysium ซึ่งเขาก็ได้พบกับนางเอกชื่อว่า Goal ซึ่งเป็นชาว Elysium เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น และการพบกันของทั้งสองก็เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายหลายๆเรื่องที่ตัวเอกของเราต้องตามแก้ไขเพื่อช่วยโลก และพิชิตใจนางเอกด้วย
ซึ่งผมขอเตือนไว้เลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การ์ตูนแนว Happy Ending เพราะงั้นหากใครไม่ชอบ ผมแนะนำให้ผ่านไปเลยครับ ผมรู้สึกว่าเศร้ามากสำหรับตอนจบ
จุดเด่น / ข้อดีของเกม
- เนื้อเรื่องสนุก น่าติดตาม ตลกโปกฮา ดราม่า เศร้า โรแมนติก เรียกได้ว่าครบทุกรสครับ เนื้อเรื่องดียิ่งกว่าหนังโรงหลายๆเรื่องเสียอีก
- การบังคับเข้าใจง่ายมาก เพราะมี Tutorial ให้พร้อมด้วย
- แบ่งแยกนิสัยของตัวละครได้ชัดเจน เสมือนเวลาคุณนั่งดูการ์ตูนอนิเมญี่ปุ่นเลย
- มุกฮาๆเพียบ
- ภาพกราฟฟิกสวยงามมากๆ
- ซาวเพลงทำออกมาได้เยี่ยม เพลงเพราะ ฟังเพลิน
- คนพากย์มืออาชีพ เสียงที่ใส่อารมณ์เข้าถึงตัวละครดี ฟังแล้วอินตามเลย
- หากไม่ถนัด puzzle มีปุ่มกดให้ข้าม mini game ผ่านไปได้เลย(อันนี้ผมชอบมาก) ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับมัน
จุดด้อย / ข้อเสียของเกม
- หลายๆอย่างที่ต้องหาในเกมไม่ make sense คือใช้ common sense หาทางไปต่อไม่ได้ ถ้าจะเล่นเองเพียวๆต้องกดจิ้มมั่วนานเลยล่ะ ซึ่งนั่นทำให้ผมเปิด walkthrough เล่นตาม และเสพย์เนื้อเรื่องกับมุกฮาๆอย่างเดียว
- [ส่วนตัว] คือตัวเอกเราเป็นพวกนิสัยแย่ผิดมนุษย์มาก จนบางครั้งผมเล่นไปหงุดหงิดไปก็มี ซึ่งแนะนำให้พยายามอย่าซีเรียสกับมัน และคิดซะว่ามันเป็นมุกไป
- มีบั๊กตัวเป้งอยู่บ้าง ต้องหาทางกดไปๆมาๆให้หายบั๊ก ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่เจออย่างผม
สรุปโดยรวม
เป็นเกมที่น่าซื้อมาเล่นเพื่อเสพย์เนื้อเรื่องมาก(ให้ 9/10 เลยละกัน) และยิ่งเหมาะมากกับคนที่ชอบแนวขุดๆคุ้ยๆหาของเพื่อหาทางผ่านเรื่อยๆ(แต่ต้องคุ้ยจริงๆนะ บางอย่างใช้ sense ไม่มีทางผ่าน เพราะมันเกินกว่าจะจินตนาการไปแล้ว) คนที่ไม่ถนัดเล่น puzzle mini game ก็เล่นได้ กด Skip เกมไปก็ผ่านเหมือนกัน แต่อย่างที่บอกว่าสำหรับคนที่ไม่ชอบแนวจบแบบเศร้าก็คิดดูดีๆก่อนละกัน ผมเล่นจบ 3 ภาครวม 20 ชม.ก็รู้สึกผูกพันกับตัวละครพอสมควร ทำให้ตอนจบมันยิ่งรู้สึกเศร้าครับ
ขอให้สนุกกับเกมนี้นะจ้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น